วันพฤหัสบดีที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2558

ดนตรีทำให้สมองทั้งซีกซ้ายและซีกขวาทำงานพร้อมกัน โดยจะกระตุ้นให้สมองสร้างเส้นใยสมองเพิ่มขึ้น และทำให้ผู้ฟังมีความสามารถคิดอย่างเป็นเหตุเป็นผล

 ดนตรีทำให้สมองทั้งซีกซ้ายและซีกขวาทำงานพร้อมกัน โดยจะกระตุ้นให้สมองสร้างเส้นใยสมองเพิ่มขึ้น และทำให้ผู้ฟังมีความสามารถคิดอย่างเป็นเหตุเป็นผล ซึ่งเป็นพื้นฐานในเรื่องวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ และการคิดชั้นสูงต่อไป

ตัวอย่างที่เห็นได้ คือ “อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์” ที่เริ่มเล่นดนตรีตั้งแต่ก่อน ๖ ขวบ และดนตรีก็มีส่วนช่วยวางรากฐานระบบประสาทของเขาทั้งหมด ทำให้เขาเป็นอัจฉริยะทางด้านฟิสิกส์ คณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ในเวลาต่อมา

หากเครียดจากสถานการณ์บ้านเมือง หรือจิตใจไม่สงบด้วยสาเหตุต่าง ๆ ลองผ่อนคลายด้วยดนตรีฟังสบาย ๆ ที่มีจังหวะใกล้เคียงกับการเต้นของหัวใจหรือประมาณ ๖๐ ครั้งต่อนาที จะช่วยให้สมองปลอดโปร่ง ผ่อนคลาย ลดความตื่นเต้น ทั้งยังกระตุ้นการทำงานของสมองและความทรงจำ

อย่างเช่น เพลง “Canon in D major” ของ พาเคลเบล (Pachelbel) ซึ่งเป็นเพลงที่ถูกนำไปใช้กับโฆษณา และภาพยนตร์มากมาย เช่น My Sassy Girl ยายตัวร้ายกับนายเจี๋ยมเจี้ยม The Proposal ลุ้นรักวิวาห์ฟ้าแลบ หรือละครไทยสุดฮิตอย่าง สูตรเสน่หา” เป็นต้น.
ที่มา เกร็ดความรู้จากหนังสือพิมพ์เดลินิวส์

โยคะ 6 โยคะลดน้ำหนัก ต้นขา

โยคะ : ลดน้ำหนักกระชับก้นลดต้นขา.mov

โยคะ 11 ลดต้นแขน

อาหารลดพุง

สุขภาพดี 100% ทุกวันยกกำลังสอง

วิตามินซี ดูแลคุณตลอดวัน

โคเอนไซม์คิวเท็น เพื่อหัวใจคนทำงานหนัก!

โคเอนไซม์คิวเท็น เพื่อหัวใจคนทำงานหนัก! จริงๆ แล้วโคเอนไซม์ คิวเท็นเป็นสารอาหารต้านอนุมูลอิสระที่พบได้ในทุกเซลล์ของสิ่งมีชีวิต เพราะมีความสำคัญต่อกระบวนการสร้างพลังงาน แต่โคเอนไซม์คิวเท็นจะลดลงตามอายุที่มากขึ้น หรือช่วงเครียด หรือหากรับประทานยากลุ่มสเตตินเพื่อลดระดับโคเลสเตอรอลเป็นเวลานานๆ ระดับโคเอ็นไซม์ คิวเท็นในร่างกายจะลดลง ซึ่งอาจจะต้องเสริมโคเอนไซม์ คิวเท็น เพื่อการทำงานของหัวใจ ขอแนะนำให้รับประทานพวกเนื้อสัตว์ ไข่ นม และธัญพืชต่างๆ ให้มากขึ้นค่ะ
ขอขอบคุณ ข้อมูลดีๆจาก:https://www.facebook.com/nutrilitethailand/timeline

ถ่ายดีคือดีท็อกซ์ตามธรรมชาติ !!

คุณรู้หรือไม่ ถ่ายดีคือดีท็อกซ์ตามธรรมชาติ! เพราะตราบใดที่ระบบทางเดินอาหารและลำไส้เคลื่อนไหวเป็นปกติ เนื้อเยื่อต่างๆ ของลำไส้จะทำงานได้สมบูรณ์ตามทำหน้าที่คือ ดูดซึมสารอาหารและซ่อมแซมการสึกหรออย่างเหมาะสม การขับถ่ายก็เป็นไปตามปกติและช่วยให้จุลชีพต่างๆ ในลำไส้ทำงานได้ดี ร่างกายกายได้รับสารอาหารเต็มที่และมีภูมิต้านทานต่อโรคต่างๆ ซึ่งผักผลไม้มีส่วนช่วยให้เราขับถ่ายง่ายขึ้น ลดการพึ่งยาถ่ายหรือการสวนล้างลำไส้ แถมยังมีสารอาหารต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพอีกด้วยค่ะ
ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจาก:https://www.facebook.com/nutrilitethailand/timeline






















“ไบโอไทย” สำรวจพบสารพิษตกค้างผักยอดนิยมเพียบ กะเพราหนักสุด 62.5%




 เมื่อวันที่ 26 มี.ค. ที่ศูนย์ประชุมสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ เครือข่ายเตือนภัยสารเคมีกำจัดศัตรูพืช มูลนิธิชีววิถี (BIOTHAI) และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ ได้จัดประชุมวิชาการสารเคมีกำจัดศัตรูพืชประจำปี 2558 โดย น.ส.ปรกชล อู๋ทรัพย์ ผู้ประสานงานเครือข่ายฯ ได้เปิดเผยผลการเฝ้าระวังสารเคมีกำจัดศัตรูพืชตกค้างในผัก ว่า ได้เก็บตัวอย่างผักผลไม้ที่คนไทยนิยมบริโภคมากที่สุด 10 ชนิดประกอบไปด้วยคะน้า ผักกาดขาว กะหล่ำปลี แตงกวา ถั่วฝักยาว มะเขือเปราะ พริกแดง กะเพรา กวางตุ้ง และผักบุ้งจีน โดยเก็บตัวอย่างผักจากโมเดิร์นเทรด ซึ่งประกอบไปด้วยห้างเทสโก บิ๊กซี แมคโคร และผักที่มีตราเครื่องหมาย Q รับรอง และจากตลาดสดจำนวน 4 แห่ง ได้แก่ตลาดไท ปากคลองตลาด สี่มุมเมือง และตลาดบางใหญ่ ปรากฏว่าพบโดยภาพรวมมีผักที่มีสารเคมีตกค้างเกินมาตรฐาน (ค่าเอ็มอาร์แอล) ของกระทรวงสาธารณสุขสูงถึง 25%

 น.ส.ปรกชล กล่าวว่า จากการตรวจสอบพบว่า ผักที่พบการปนเปื้อนมากที่สุดคือกะเพรา พบว่าสารพิษเกินมาตรฐานถึง 62.5% ถั่วฝักยาวและคะน้าพบ 32.5% ผักบุ้งจีน กวางตุ้ง และมะเขือเปราะพบตกค้าง 25% แตงกวา และพริกแดงพบค่อนข้างน้อยคือ 12.5% ส่วนผักกาดขาวปลี และกะหล่ำปลีไม่พบการตกค้างเลย ทั้งนี้ แม้จะพบการปนเปื้อนในระดับสูง แต่ผลการตรวจในปีนี้ ถือว่าน้อยกว่าในปี 2557 ที่ผ่านมา โดยในปีที่ผ่านมา มีการตรวจพบการปนเปื้อนในผักเกินมาตรฐาน ในห้างโมเดิร์นเทรดและผักที่ได้ตรามาตรฐาน Q สูงถึง 53.33% โดยในปีนี้พบการตกค้างเกินมาตรฐานเพียง 20% ในขณะที่ตลาดสดกลับพบว่า มีสารพิษตกค้างเกินมาตรฐานเฉลี่ย 30%โดยตลาดบางใหญ่พบตัวอย่างผักที่มีสารพิษตกค้างเกินมาตรฐานถึง 40% ในขณะที่ผักที่ปากคลองตลาดมีสารตกค้างเฉลี่ย 20% เท่าๆกับโมเดิร์นเทรด

 “การที่ภาคสังคมได้รวมตัวกันเฝ้าระวังสารพิษตกค้าง ในผักและผลไม้โดยได้เผยแพร่ผลการตรวจ และได้รับความร่วมมือจากสมาคมค้าปลีก และสมาคมตลาดสดไทย ตลอดจนสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา สำนักงานมาตรฐานเกษตรและอาหารแห่งชาติ และกรมวิชาการเกษตร โดยได้ประชุมกันหลายครั้งในปีที่ผ่านมา ทำให้มีการแก้ปัญหานี้ในระดับหนึ่ง แต่ในฐานะผู้บริโภคเราคิดว่าตัวเลขการตกค้างของสารพิษในระดับ 25% ยังเป็นตัวเลขที่สูงเกินไป”น.ส.ปรกชล กล่าว

 ด้าน นายพชร แกล้วกล้า ผู้ประสานงานโครงการเสริมสร้างความเข้มแข็งกลไกคุ้มครองผู้บริโภค ความปลอดภัยด้านอาหารภาคประชาชน มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ซึ่งเป็นพันธมิตรในการดำเนินการเฝ้าระวังได้ เปิดเผยการดำเนินการต่อไปว่า เครือข่ายเตือนภัยสารเคมีกำจัดศัตรูพืช และมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค จะนัดหมายผู้ประกอบการทั้งสมาคมค้าปลีกไทย สมาคมตลาดสดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งกองบังคับการปราบปรามการกระทําความผิด เกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) เพื่อหารือการแก้ปัญหาร่วมกัน โดยครั้งนี้จะมีการหยิบยกมาตรการทางกฎหมายมาดำเนินการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้กระทำความผิดซ้ำซาก เพื่อให้ประชาชนไทยทุกคน ได้มีโอกาสบริโภคผักผลไม้ที่ปลอดภัย ไม่ตายผ่อนส่งเหมือนที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจาก:http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRReU56TTFPVGswTVE9PQ%3D%3D&subcatid